วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

มาทำความรู้จักกับน้ำยา (Medium)ต่างๆที่ใช้ในงานเดคูพาจกันนะคะ


            มีลูกค้าหลายท่านที่ให้ความสนใจ และเป็นมือใหม่สำหรับงานเดคูพาจ แต่ยังเลือกใช้น้ำยาไม่ถูกเพราะมีอยู่หลายตัวให้เลือก อีกทั้งการนำไปใช้ของแต่ละคนก็มีเทคนิคแตกต่างกันไป แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน หรือแต่ละstudioที่สอนงานศิลปะนะคะไม่มีคำว่าถูกหรือผิด แต่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของแต่ละคนค่ะ
****น้ำยา (medium) ตัวหลักของงานdecoupage จะมีอยู่ ตัวคือ กาวเดคูพาจ และ น้ำยาเคลือบ (varnish)****


กาวเดคูพาจ(Decoupage Glue) และกาว PVA
   *กาวเดคูพาจ ต่างจากกาวลาเท็กซ์ตรงที่ความหนืด กาวเดคูพาจ และเหลวกว่า ทาง่าย ลื่นเรียบ และใช้เคลือบผิวงานได้เช่นกัน

   *กาว PVA จะมีความเข้มข้นมากกว่ากาว decoupage และกาวลาเท็กซ์ จึงมีความเหนียวและติดแน่นมากกว่า ร้านบีเบลล์ใช้กาว PVA ในการประกอบกล่อง Happy Box และอัดสันกาวสมุดโน้ต La Montage ซึ่งเวลาแห้งแล้วจะได้ผิวที่ใส และเงามันเล็กน้อย ใช้ปกป้องผิวงานที่ทำเดคูพาจได้

   *กาวลาเท็กซ์ มีส่วนผสมของPVA แต่ว่าในแต่ละยี่ห้อเค้าจะไม่ระบุให้ลูกค้าทราบถึงส่วนผสมที่แน่นอน ซึ่งเบลล์คิดว่า น่าจะเป็นความลับทางการค้าของแต่ละยี่ห้อนะคะ

   *หากไม่สามารถซื้อกาวเดคูพาจได้ ก็สามารถใช้กาวลาเท็กซ์ผสมน้ำ ให้ได้ความเหลวตามต้องการ ที่เราคิดว่าทำให้ทาลงชิ้นงานได้ง่าย อย่างที่บอกไว้นะคะ ใช้แทนกันได้ แต่คุณสมบัติไม่เหมือนกันทั้งหมดเนื่องจากส่วนผสมของPVAในกาวลาเท็กซ์แต่ละยี่ห้อไม่เท่ากันค่ะ

   *โดยส่วนตัว เบลล์ใช้กาวเดคูพาจ ในการทำงานมากกว่า เพราะใช้ง่าย และรีดกระดาษเดคูพาจได้ง่าย แต่กาวเดคูพาจของร้านเบลล์จะข้นกว่าที่อื่นนิดนึง เพราะเบลล์ใช้กับงานPhoto Decoupage(การผนึกภาพถ่ายลงบนวัสดุต่างๆ) ซึ่งกระดาษจะหนากว่า Napkin หรือ กระดาษเดคูพาจ เวลาใช้กาวที่เหลวเกินไปจะทำให้ยึดมุมภาพกับวัสดุได้ยาก จึงต้องใช้ความเข้มข้นที่พอเหมาะค่ะ หากลูกค้ารู้สึกว่ากาวข้นไป ก็ผสมน้ำได้ แต่ใช้ให้หมดภายในครั้งนั้นนะคะ ทิ้งไว้นานเดี๋ยวขึ้นราค่ะ ที่สำคัญถ้ากาวมีส่วนผสมของน้ำมากเกินไป ก็จะทำให้กระดาษย่นได้ง่ายนะคะ

   *กาวเดคูพาจใช้เคลือบผิวงานได้เช่นกัน แต่คุณสมบัติของการเคลือบย่อมต่างกว่า Varnishแน่นอน กาวจะหนืด แห้งช้า และความมันวาวไม่เท่ากับVarnish

Acrylic  Varnish
  *โดยทั่วไปก็เรียกสั้นๆว่า Acrylic Varnish  อีกทั้งในแต่ละstudio ก็จะมีชื่อรียกต่างกัน เช่น Gloss Varnish ,glazing Medium ฯลฯ ที่ร้านเบลล์เรียกว่าAcrylic  Varnish เป็นตัวเคลือบที่มีfilmเคลือบบาง ต้องทาเคลือบหลายครั้ง ส่วนตัวเคลือบที่มีfilmเคลือบหนา แข็งแรง และยึดเกาะได้ดีคือที่ Poly Urethane Varnish

   * Acrylic Varnish  เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเงา ความด้าน  และความทนทานแข็งแรงเพียงเล็กน้อย เพราะมีfilmเคลือบที่บางกว่า ราคาก็ประหยัดกว่าเช่นกัน
*มีให้เลือกทั้งแบบมัน และแบบด้าน หากเราเคลือบแบบด้าน งานที่ออกมาจะไม่ได้ด้านมากเหมือนสเปรย์รองพื้นนะคะ แต่จะออกกึ่งเงากึ่งด้าน หากทาทับหลายชั้นจะยิ่งเงาค่ะ

   *ทั้งนี้ น้ำยาทุกตัวของร้านบีเบลล์ เป็นสูตรน้ำ จึงล้างทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำเปล่า หรือสบู่ค่ะ ทุกตัวไม่เป็นอันตราย และกลิ่นอ่อนมาก(Less odor)..เท่าที่ใช้มายังไม่เคยมีตัวไหนที่ปราศจากกลิ่นนะคะ มีแต่กลิ่นอ่อน ไม่ฉุน และไม่อันตรายค่ะ

Poly Urethane Varnish
   *เป็นน้ำยาเคลือบที่ที่ร้านบีเบลล์ใช้มากที่สุดค่ะ ให้ความแข็งแรง เงางาม และทนต่อแรงขูดขีดที่สุด เวลาอธิบายลูกค้า เบลล์มักจะให้ลูกค้านึกถึงไม้ปาร์เก้ เพราะโพลียูริเทนจะให้ชั้นฟิล์ม(ผิวเคลือบ)ที่หนากว่า Acrylic  Varnish และเมื่อเปรียบเทียบน้ำยาแบบเงา (gloss) โพลียูริเทนจะให้ความเงาสูงมากๆ เวลาใช้เคลือบงานจึงไม่ต้องเคลือบซ้ำหลายรอบค่ะ

   *โพลียูริเทน จะแห้งเร็วกว่า Acrylic  Varnish มีการยึดเกาะผิวได้ดีกว่า ใช้เคลือบานที่มีผิวมันได้ดี

   *ควรแบ่งใส่ภาชนะพอประมาณ ให้ใช้ได้พอเหมาะกับงาน เพราะทิ้งไว้น้ำยาจะแห้งและแข็งได้ค่ะ

   *โพลียูริเทน ที่มีคุณภาพดี สีจะไม่เหลืองง่ายนะคะ แต่ที่สำคัญไม่ควรนำงานไปตากแดดโดยตรงนะคะ เพราะส่วนใหญ่ถึงจะระบุว่าใช้งานภายนอกได้ หมายถึงบริเวณที่มีแสงส่อง ไม่ใช่นำไปตากแดดโดยตรงค่ะ เพราะยูริเทนเป็นสารเคลือบแข็ง หากวัตถุเกิดความร้อน มีการยืดและหดตัว จะทำให้ผิวเคลือบแตกได้ค่ะ

   *ทั้ง Acrylic  Varnish และ Poly Urethane Varnish มีกลิ่นอ่อนๆเหมือนกันนะคะ Less odor & non toxicค่ะ


All Purpose Sealer
   *คุณสมบัติตามชื่อเลยนะคะ  เพราะเป็น“น้ำยาเคลือบอเนกประสงค์” ใช้เป็นรองพื้น กันเชื้อรา เคลือบเงา ให้ความแข็งแรง และใช้แทนกาวได้ในบางงานค่ะ

   *All Purpose Sealer มีความจำเป็นในกรณีที่เราใช้ชิ้นงานจากไม้ธรรมชาติ ที่ต้องรองพื้นเพราะในเนื้อไม้จะมียางตามธรรมชาติ ซึ่งยางเหล่านั้นจะซึมออกมาผสมกับสีที่เราทาหรือเคลือบได้ ทำให้สีหม่น และดูเลอะ ใช้เนื้อMattจะดูเป็นธรรมชาติค่ะ

   * All Purpose Sealer เนื้อมัน เหมาะกับงานจำพวกแก้ว และพลาสติกผิวลื่น ใช้แทนกาวได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับเทคนิคการใช้ของแต่ละคนนะคะ
*คุณสมบัติใกล้เคียงกับโพลียูริเทน ต่างกันตรงที่ใช้งานได้ครอบคลุมกว่า และราคาสูงกว่ากันนิดหน่อย

   *สำหรับชิ้นงานที่มีความยืดหยุ่น ไม่ควรเคลือบหลายชั้น เพราะจะทำให้ผิวเคลือบแตกได้ เนื่องจาก All Purpose Sealer  ให้ผิวเคลือบที่แข็งแรง เช่นเดียวกันกับโพลียูริเทน


                           ทำไมน้ำยาที่ร้านบีเบลล์ถึงราคาไม่แพง

       เป็นคำถามยอดฮิตของลูกค้าไปแล้วค่ะ เหตุผลแรกคือ  เบลล์คิดว่าถ้าสินค้าเราราคาย่อมเยา  ลูกค้าก็กล้าพอที่จะลองทำงานเดคูพาจกันมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องใช้ของแพงเสมอไปค่ะ แต่คุณภาพรับรองว่าเทียบเท่ากับตัวที่ราคาสูงๆค่ะ เหตุผลที่ 2 คือ ที่บ้านเบลล์เป็นร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง ส่วนร้านคุณน้าของสามีเป็นร้านเครื่องเขียนค่ะ  ดังนั้นเบลล์เลยสามารถสั่งของได้ในราคาที่ไม่แพง และอธิบายถึงความแตกต่างของน้ำยางานช่างกับงานศิลปะได้ค่ะ การขายงานแฮนด์เมด จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับงานหรือสินค้าที่เราจะหน่าย  เบลล์เก็บข้อมูล และทดลองใช้มาหลายตัวจึงอธิบายได้ถึงความแตกต่างนะคะ ที่สำคัญน้ำยาที่ขายก็เป็นตัวเดียวกับที่ใช้เคลือบสินค้าภายในร้านอยู่แล้วค่ะ

                         
                             ใช้น้ำยาและสีสำหรับงานช่างแทนได้ไหม

    หลายคนสงสัยว่าใช้สีสำหรับทาบ้านนำมาทาชิ้นงานได้ไหม? จากประสบการณ์.... ใช้ได้ค่ะ แต่ไม่ทุกตัว งานกล่อง จากcard board หรืองานไม้ที่ไม่มีการเคลือบผิวมาก่อนจะนำสีทาบ้านมาใช้ก็ได้ แต่ความเข้มข้นต่างกัน เพราะสีทาบ้านส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแป้งเยอะโดยปกติ ถ้าเราใช้สีที่เป็นสีอะคริลิกสำหรับงานศิลปะ ตัวที่เกรดสูงๆ จะมีการยึดเกาะที่ดี สีสดใส และผิวที่ได้เมื่อแห้งจะออกวาวๆค่ะ แต่สีทาบ้านจะด้านๆเป็นฝุ่น ถ้าใช้ในบริเวณกว้างก็ถือว่าประหยัดนะคะ แต่สำหรับงานฝีมือ โดยส่วนตัว ชอบใช้สีสำหรับงานศิลปะมากกว่า เพราะเนื้อสีดีกว่าค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น